รู้ทันพลังเงียบ กลยุทธ์แปลงศัตรูให้เป็นพันธมิตรในที่ทำงาน

คุณเคยมีศัตรูในที่ทำงานไหม? แล้วคุณจัดการกับเขาอย่างไร
บางคนเลือกเงียบ บางคนเลือกตอบโต้ บางคนเลือกหลบเลี่ยง แล้วคุณล่ะ? ลองจินตนาการถึงสถานการณ์หนึ่งในที่ประชุม คุณเสนอไอเดียอย่างตั้งใจ แต่เพื่อนร่วมงานอีกคนขัดทันที พูดประชด หรือแย่งพูดด้วยน้ำเสียงเยาะหยัน ความรู้สึกเจ็บใจ คับข้องใจค่อยๆ สะสม คำถามคือ เราจะอยู่ร่วมกับคนที่เป็น “ศัตรู” ในที่ทำงานได้อย่างไร โดยไม่สูญเสียตัวตน และยังเติบโตได้อย่างเป็นมืออาชีพ? มาดูกันในบทที่ว่า “รู้ทันพลังเงียบ กลยุทธ์ แปลงศัตรูให้เป็นพันธมิตรใน ที่ทำงาน”
คุณค่าจากหนังสือ Turn Enemies Into Allies ของ Judy Ringer ไม่ได้เป็นเพียงคู่มือสร้างมนุษยสัมพันธ์ แต่คือคู่มือฝึก “ศิลปะแห่งสันติ” ที่ใช้รับมือกับความขัดแย้งในที่ทำงานอย่างทรงพลังและมีจริยธรรม ไม่ว่าจะในโลกของการทำงานหรือโลกส่วนตัวหากเข้าใจแก่นของมันก็นำไปประยุกต์ใช้ได้
.

ศิลปะแห่งสันติ: แก่นของการเปลี่ยน “ศัตรู” ให้กลายเป็น “พันธมิตร”
สิ่งที่ Judy Ringer ถอดรหัสไว้ในหนังสือเล่มนี้ ไม่ใช่แค่ “เทคนิค” หรือ “วิธีเอาตัวรอด” แต่คือกรอบความคิด (mindset) แบบใหม่ที่เปลี่ยนศัตรูให้เป็นพื้นที่ฝึกฝนความกล้าหาญภายใน หนังสือเล่มนี้หยั่งรากลึกในศาสตร์ของ Aikido ศิลปะการต่อสู้แบบญี่ปุ่นที่เน้นการไหลตามพลังของคู่ต่อสู้ ไม่ใช่เพื่อต่อกร แต่เพื่อเปลี่ยนทิศพลังนั้นให้กลับมาสร้างความสมดุล
Ringer เปรียบเทียบความขัดแย้งในที่ทำงานกับการประลองในการฝึกไอคิโด เราไม่ได้ต่อสู้กับอีกฝ่ายเพื่อเอาชนะ แต่เพื่อ “เห็น” พลังของเขา เข้าใจจุดยืนของเขา แล้วหาทางนำพลังนั้นมาสู่จุดที่เราทั้งคู่สามารถ “อยู่ร่วม” กันได้ การสื่อสารในภาวะขัดแย้งจึงไม่ใช่แค่ “การพูดให้ชนะ” แต่คือ “การฟังอย่างลึก” และ “การสะท้อน” อย่างตั้งใจ สิ่งเหล่านี้เองที่จะ ” แปลงศัตรูให้เป็นพันธมิตร ” ในที่ทำงาน
ในหนังสือ เธอแบ่งกระบวนการออกเป็น 3 ระยะชัดเจน ได้แก่
1. การเตรียมตัว (Prepare):
เข้าใจตัวเองก่อนว่าทำไมเราจึงรู้สึกไม่สบายใจกับอีกฝ่าย อารมณ์ ความกลัว และความคิดอัตโนมัติแบบไหนที่พาเราเข้าสู่ “โหมดศัตรู”
2. การมีส่วนร่วม (Engage):
ฝึกอยู่กับปัจจุบัน ฝึกฟัง ฝึกตั้งคำถามโดยไม่ตัดสิน ฝึกสื่อสารจาก “ภายใน” ที่นิ่งและมีวัตถุประสงค์ ไม่ใช่อารมณ์
3. การติดตามผล (Follow up):
ทำให้ความสัมพันธ์ไม่จบแค่การเผชิญหน้า แต่ต่อยอดด้วยการสร้างพันธะระยะยาวและบรรยากาศร่วมมือ

เครื่องมือสำคัญต่างๆยังรวมถึง “การตั้งเจตนา (Intent)” ก่อนพูด การใช้ “ภาษากาย” ที่สงบ และการฝึก “การตอบสนองแทนการตอบโต้ (Responding vs. Reacting)”
.
จากสนามฝึกของไอคิโด สู่โต๊ะทำงานในออฟฟิศ
แนวคิดของ Judy Ringer ไม่ได้ลอยลม เธอนำมันไปใช้จริงในโลกธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่ หรือทีมงานระดับปฏิบัติการมีการทดลองทางจิตวิทยาจำนวนมากที่สนับสนุนหลักการนี้ เช่น การทดลองของ Dr. John Gottman ที่พบว่า
ความขัดแย้งในความสัมพันธ์มักไม่ได้เกิดจากเนื้อหา แต่เกิดจาก “โทนเสียง” และ “วิธีการสื่อสาร” เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องที่หลายๆคนมองข้ามไป

ในชีวิตประจำวัน ลองนึกถึงเวลาที่คุณโกรธใครในที่ทำงาน สิ่งที่คุณจำได้ไม่ใช่เนื้อหาของคำพูด แต่คือ “อารมณ์” ที่อีกฝ่ายส่งมา Ringer บอกว่า “การควบคุมพื้นที่ภายในของเรา” เป็นอาวุธที่ทรงพลังที่สุด มันไม่ใช่การระงับอารมณ์แบบกดไว้ แต่คือการ “ตระหนักรู้” อารมณ์นั้น แล้วเลือกการแสดงออกที่มีศักยภาพและสันติ
ในสื่อและการตลาด เราเห็นการใช้หลักการแบบนี้ผ่านแคมเปญที่เลือก “เปลี่ยนศัตรูเป็นเพื่อน” เช่น โฆษณาที่ไม่โจมตีคู่แข่ง แต่หยอกล้ออย่างมีอารมณ์ขัน หรือสร้างบทสนทนาที่ทำให้คนคิดตาม เช่นแคมเปญ “Share a Coke” ของ Coca-Cola ที่เปลี่ยนชื่อคนบนขวดให้กลายเป็นบทสนทนาใหม่ระหว่างคนที่อาจจะเคยทะเลาะกัน ซึ่งแคมเปญนี้ก็ยังคงมีให้เห็นในประเทศไทยเช่นกัน คุณลองคิดดูสิว่า ถ้าคุณซื้อโค้กที่มีชื่อของคนที่คุณอาจไม่ชอบหน้าเท่าไร แล้วยื่นให้เขา บรรยากาศจะเป็นอย่างไร
สิ่งสำคัญไม่ใช่แค่ “วิธีพูด” แต่คือ วิธี “ตั้งใจฟัง” และ “อยู่กับอีกฝ่ายโดยไม่ตัดสิน” นั่นคือพลังที่ Judy Ringer ชี้ให้เราเห็น และเชิญชวนให้เราฝึกมันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรียกว่าเป็นหัวใจของการสร้างมิตรเลยก็ว่าได้
.
เมื่อ “พลังภายใน” กลายเป็นเครื่องมือ แปลงศัตรูให้เป็นพันธมิตร
เมื่อเราเข้าใจกลไกของการสื่อสารในความขัดแย้งแล้ว เราสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันได้ทันที ลองเริ่มจาก การตั้งเจตนาให้ชัดก่อนจะคุยกับใครที่เรามีปัญหา แล้วถามตัวเองว่า “เราอยากให้ผลลัพธ์ออกมาแบบไหน?” ไม่ใช่แค่เราจะ “พูดอะไร” แต่เราจะ “เป็นใคร” ขณะที่พูด

ในแง่ของการตลาด ถ้าแบรนด์เข้าใจความคิดแบบนี้ จะสามารถสร้างบทสนทนากับลูกค้าในเชิงบวก แม้ในสถานการณ์วิกฤติ เช่น เมื่อถูกลูกค้าตำหนิ การตอบด้วย “พื้นที่ที่นิ่ง” จะเปลี่ยนบทสนทนาจากการโต้เถียงเป็นการร่วมแก้ปัญหา หากทีมงานเริ่มต้นจากการฝึกฟัง ฝึกเข้าใจแรงจูงใจของกันและกัน แทนที่จะรีบปกป้องตัวเองหรือรีบชี้ผิด การทำงานร่วมกันจะราบรื่นมากขึ้น หลักการนี้จึงไม่ใช่แค่คู่มือแก้ปัญหาเฉพาะหน้า แต่คือ “แผนการฝึกระยะยาว” เพื่อเปลี่ยนความสัมพันธ์ทุกประเภทให้เป็นทรัพยากรที่มีพลัง
.
ถ้าเราตระหนักว่าทุกศัตรูคือ “ครูฝึก” การทำงานจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
แก่นของ Turn Enemies Into Allies หรือ ” แปลงศัตรูให้เป็นพันธมิตร ” คือการ “เห็น” ความขัดแย้งอย่างที่มันเป็น—โอกาส ไม่ใช่อุปสรรค เมื่อเราสามารถหยุด “ปฏิกิริยาอัตโนมัติ” แล้วเปลี่ยนมาเป็น “การตอบสนองอย่างตั้งใจ” เราจะไม่แค่เปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นเพื่อน แต่เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็นผู้นำที่แท้จริง
ลองหลับตาแล้วนึกดูว่าตอนนี้เราเคยมีใครที่ไม่ชอบมากๆ ไหม? ไม่จำเป็นต้องเป็นที่ทำงาน จะเป็นที่ไหนก็ได้ ลองกลับไปคิดใหม่ ว่าเขาอาจจะกำลังสอนอะไรบางอย่างให้คุณอยู่ก็ได้ แล้วคุณล่ะ พร้อมจะเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็นพันธมิตรแล้วหรือยัง?
.