ความลับของชีวิตที่ใช่ คุณอาจแค่ไม่เคย “สกัดสาระสำคัญ” จากความฝันตัวเอง

ทำไมบางคนดูเหมือนรู้เส้นทางของตัวเองตั้งแต่แรก แต่เรากลับยังหลงทาง?
คุณเคยรู้สึกไหมว่า…
บางคนโชคดีเหลือเกิน เหมือนเขารู้ว่าอยากทำอะไรในชีวิตตั้งแต่เด็ก เขาจึงมุ่งหน้าไปทางนั้นโดยไม่มีอ้อมค้อม แต่พอหันกลับมาดูตัวเอง กลับไม่มั่นใจเสียทีว่า “ฝันของฉันคืออะไร?” หรือแม้จะมีความฝัน ก็ยังไม่กล้าก้าวออกไปตามทางนั้น วันนี้ถึงเวลาที่คุณจะเข้าใจและ ” ค้นหาความฝันของตัวเอง ”
ลองนึกถึงตอนคุณกำลังดูหนังที่ตัวเอกเดินออกจากชีวิตเดิมๆ แล้วไปเริ่มต้นใหม่ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจ คุณรู้สึก ตื่นเต้นแทนเขาใช่ไหม? แต่พอกลับมาสู่ชีวิตจริง เรากลับปล่อยให้ความกลัว ความไม่แน่ใจ และเสียงของคนอื่นมาดึงเราไว้ แล้วก็ยังอยู่ในที่เดิม…วันแล้ววันเล่า
อะไรทำให้คนบางคนมีความชัดเจนในฝันของตน ขณะที่อีกหลายคนต้องใช้เวลาทั้งชีวิตเพื่อค้นหามัน? Simon Squibb ผู้เขียนหนังสือ What’s your dream? ไม่ได้มีคำตอบที่เวอร์วังหรือล้ำลึกเกินเข้าใจ แต่เขามีมุมมองและเครื่องมือที่ช่วยให้เราสกัด “แก่น” ของความฝันจากภายในออกมาให้ชัด ไม่ใช่แค่ถามว่า “คุณอยากเป็นอะไร?” แต่ถามต่อว่า “เพราะอะไรคุณถึงอยากเป็นสิ่งนั้น?”
และเมื่อเราเริ่มเข้าใจว่า ความฝันไม่ได้อยู่ไกลจากตัวเรา แต่อยู่ในสิ่งที่เราทำทุกวัน เพียงแค่เราต้องรู้จัก “สกัดมันออกมา” ให้ชัดเจน

.
Dream Extraction สาระสำคัญที่ไม่ได้พูดถึงแค่ความฝัน
หนังสือเล่มนี้ไม่ได้สอนให้ฝัน แต่มันสอนให้คุณแยกสารออกจากฝัน
Simon Squibb ไม่เขียนหนังสือ What’s Your Dream? ขึ้นมาเพื่อขายฝัน เขาเขียนมันขึ้นมาเพื่อให้ผู้อ่านกลับมาสำรวจชีวิตตนเองอย่างเข้มข้น ด้วยคำถามที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังอย่าง “อะไรคือสิ่งที่คุณทำได้ฟรีๆ โดยไม่ต้องมีเงิน?” หรือ “ถ้าคุณไม่มีใครคอยตัดสิน คุณจะทำอะไรตอนนี้?”
สาระสำคัญในหนังสือจึงไม่ใช่การไล่ล่าความฝันอย่างลอยๆ แต่คือการ ทำให้ความฝันตกผลึก จับต้องได้ และมีระบบในการลงมือทำ Simon เชื่อว่า “ความฝัน” ไม่ใช่สิ่งฟุ้งฝัน หากแต่มันเป็น ธุรกิจชีวิต ที่ต้องกลั่นกรองด้วยการ “ตั้งคำถามกับตัวเองอย่างลึกซึ้ง” โดยมีแกนสำคัญคือ 3 แนวคิดต่อไปนี้:
- ความหลงใหลคือแผนที่ ถ้าคุณยังไม่รู้จะไปทางไหน จงเริ่มจากสิ่งที่คุณหยุดทำไม่ได้ มันอาจจะเล็กน้อย แต่มันคือเบาะแส
- เงินไม่ใช่เป้าหมาย มันคือผลพลอยได้ คุณไม่ต้องคิดว่าจะได้เงินจากสิ่งที่รักได้ยังไงในทันที แต่ให้คิดว่า “คุณจะมีคุณค่าจากสิ่งที่รักได้ยังไง” แล้วเงินจะตามมา
- คุณไม่ต้องพร้อมก่อน ถึงจะเริ่มได้ หนังสือเล่มนี้กระตุ้นให้ผู้อ่านรู้ว่า ความกลัวและความไม่รู้คือของคู่กันกับการเริ่มต้น แต่อย่ารอให้ทุกอย่างพร้อม เพราะคุณจะไม่มีวันเริ่ม

.
กลไกที่ Simon ใช้เรียบง่าย แต่ทรงพลัง เขาให้คุณตั้งคำถามกับความคิด ความรู้สึก และพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในทุกวัน แล้วสกัดเอา “ความฝันจริง” ออกมาแทนสิ่งที่ถูกสังคมหรือระบบการศึกษาใส่ไว้ในหัว เขาไม่ได้บอกให้คุณลาออกจากงานวันนี้ แต่เขาบอกให้คุณ ฟังหัวใจตัวเองให้ชัดขึ้นในแต่ละวัน จนวันหนึ่งคุณกล้าที่จะก้าวออกไปโดยไม่ต้องมีใครมาบอก
ตัวอย่างที่ชัดจนคุณต้องย้อนถามตัวเอง คุณสกัดฝันของตัวเองออกมาแล้วหรือยัง?
ในห้องทดลองจิตวิทยา เมื่อคำถามเดียวเปลี่ยนมุมมองชีวิตทั้งชีวิต
ในการทดลองหนึ่งที่ Simon อ้างอิงถึงในแนวคิดของเขา มีการให้ผู้เข้าร่วมตอบคำถามว่า “อะไรที่คุณจะทำต่อให้ไม่มีใครจ่ายเงินให้คุณเลย?” คำถามนี้ฟังดูธรรมดา แต่เมื่อผู้คนตอบอย่างจริงใจ กลับพบว่าความฝันของพวกเขาไม่ได้ซับซ้อนหรือล้ำเลิศแต่อย่างใด บางคนอยากสอนเด็กวาดรูป บางคนอยากเล่าเรื่องผ่านพอดแคสต์ บางคนแค่อยากช่วยคนที่มีปัญหาเหมือนตัวเองในอดีต จิตวิทยาของคำถามนี้คือ มัน “ตัดเสียงของโลก” ออกไป แล้วพาเรากลับมาฟัง “เสียงข้างใน” ของเราเอง
.
ในชีวิตจริง ทำไมคนที่ลาออกจากงานประจำบางคนถึงกลับมีพลังชีวิตเพิ่มขึ้น
Simon ได้ยกตัวอย่างจากคนจริงในชีวิตของเขาหลายคน ที่เหมือนกับเราทุกคน พวกเขาทำงานที่มั่นคง แต่ทุกเช้าต้องฝืนใจตื่นขึ้นไปทำงานที่ตัวเองไม่อิน พอเริ่มใช้เครื่องมือที่ Simon เสนอ พวกเขากลับกล้าเปลี่ยน ไม่ใช่เพราะกลัวตกงาน แต่เพราะเริ่มเห็นคุณค่าของเวลาชีวิต
คนที่เคยเป็นนักบัญชีแต่หลงใหลการทำเบเกอรี่ จึงเริ่มเปิดร้านเล็กๆ ในวันหยุด คนที่เคยอยู่ในคอลเซ็นเตอร์แต่รักการพูด จึงเริ่มทำช่องยูทูปเล็กๆ ที่กลายเป็นรายได้ในภายหลัง
ในสื่อและการตลาด แบรนด์ที่ “สกัดฝัน” ได้ชัด คือแบรนด์ที่ติดตลาด
Apple ไม่ได้ขายแค่สินค้า แต่ขาย “ศิลปะแห่งนวัตกรรม” เพราะ Steve Jobs สกัดฝันของเขาได้ชัด เขาไม่ได้อยากทำคอมพิวเตอร์ แต่เขาอยากเปลี่ยนวิธีที่คนเชื่อมต่อกับโลก
Simon ยกตัวอย่างเพิ่มเติมในหนังสือว่า แบรนด์ที่มีพลังดึงดูด คือแบรนด์ที่รู้ว่า “พวกเขาเกิดมาเพื่ออะไร” ไม่ใช่แค่ขายอะไร ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นบริษัทหรือคน ถ้าสกัดความฝันออกมาได้ดี ก็ย่อมสื่อสารกับโลกได้ชัดเจนกว่า

.
เปลี่ยนหนังสือเล่มเดียวให้กลายเป็นเครื่องมือวางแผนชีวิต
1. จากแนวคิดสู่การใช้งาน ทำให้ “ฝัน” เป็น “แผนที่” เดินได้
เมื่อเราสกัดสาระจากหนังสือ What’s Your Dream? ได้อย่างลึกซึ้ง สิ่งสำคัญที่ตามมาคือการ แปลงสาระเหล่านั้นเป็นเครื่องมือในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การเลือกเส้นทางชีวิต หรือการตลาดส่วนบุคคล แนวคิดของ Simon Squibb ไม่ได้หยุดที่แรงบันดาลใจ แต่ยังผลักดันให้เรากล้าทำสิ่งที่ฝันไว้ ให้เป็นจริงในโครงสร้างชีวิต ลองนึกถึงคนที่เคยรู้สึกว่า “อยากทำสิ่งนี้ แต่ไม่รู้จะเริ่มยังไง” หรือ “ทำไมงานที่ทำอยู่ถึงไม่รู้สึกเติมเต็ม” เมื่อคุณมีเครื่องมือหลายอย่างๆที่กล่าวถึงในหนังสือเล่มนี้ คุณจะเริ่มเข้าใจว่า… สิ่งที่ขาดไม่ใช่ความสามารถ แต่คือ ความชัดเจนในฝัน
2. ทำไมสิ่งนี้ถึงใช้ได้ผล? เพราะมัน “จับต้องได้”
สิ่งที่Simonทำผ่านหนังสือเล่มนี้คือการ ทำให้ความฝันที่เป็นนามธรรม กลายเป็นสิ่งที่ตรวจสอบได้ วางแผนได้ และปรับเปลี่ยนได้ เช่นเดียวกับการตั้งเป้าหมายทางธุรกิจหรือการทำกลยุทธ์การตลาด การระบุเป้าหมาย ความกลัว จุดแข็ง จุดอ่อน และสิ่งที่เราจะทำต่อไป คือการ ทำความฝันให้เป็นโครงการชีวิต (Life Project)
แม้คุณจะยังไม่รู้ว่าจะลาออกดีไหม หรือจะเริ่มธุรกิจอะไร คุณสามารถใช้กระบวนการนี้ในการ “วิเคราะห์ตนเอง” จนเริ่มมองเห็นแสงเล็กๆ ว่าอะไรที่คุณรักจริง อะไรที่คุณอยากอยู่กับมันทุกวัน และสิ่งไหนที่คุณยอมล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าเพื่อมัน
3. ใช้เป็นเครื่องมือในงานและการตลาด, Dream = Value Proposition
ถ้ามองจากมุมของการตลาด การรู้ “ความฝัน” ของตนเองคือการ รู้คุณค่าหลักที่เราต้องการส่งต่อ ลองคิดว่าแบรนด์ดังๆ ล้วนมี “Why” ที่ชัดเจน เช่นเดียวกัน หากคุณรู้จัก Why ของตนเอง คุณก็สามารถวาง Position ของตัวเองในชีวิตและในตลาดได้อย่างมั่นคง
คุณสามารถใช้สิ่งนี้ในการเขียน Personal Branding, ประวัติสมัครงาน, พูดคุยกับลูกค้า, หรือแม้แต่เขียน Mission ของบริษัทเล็กๆ ที่คุณเริ่มก่อตั้งจากห้องนอน ลองเริ่มจาก framework เหล่านี้ แล้วคุณจะเห็นความต่างของคำว่า “ขายของ” กับ “สร้างคุณค่า” ได้ชัดเจนขึ้นทุกวัน

.
ฝันไม่ใช่ภาพลวงตา แต่คือระบบที่เราออกแบบได้เอง
สรุปหัวใจของ What’s Your Dream? และพลังของการตั้งต้นด้วยตนเอง
เมื่ออ่านและสกัดแก่นของหนังสือเล่มนี้ เราจะเห็นว่า ความฝันไม่ใช่จินตนาการที่ไร้แก่นสาร แต่คือระบบคิดที่เริ่มต้นจากคำถามง่ายๆ ว่า “แล้วเราล่ะ อยากมีชีวิตแบบไหน?” การสกัดสาระจากหนังสือเล่มนี้ทำให้เรารู้ว่า… เราทุกคนมีสิทธิ์ฝัน แต่สิ่งที่เปลี่ยนชีวิตจริงๆ คือการลงมือถามคำถามยากๆ กับตัวเองแล้วกล้าทำอะไรบางอย่างกับคำตอบนั้น
ความฝันของเราคือดัชนีชี้นำ ไม่ใช่แค่ความชอบ แต่คือคำตอบของ “เราจะใช้ชีวิตนี้ไปทำไม” ไม่ว่าคุณจะเป็นมนุษย์เงินเดือน เจ้าของธุรกิจ หรือฟรีแลนซ์ การเข้าใจความฝันของตนเอง คือการเข้าใจเส้นทางที่คุณจะเดินไปด้วยความเต็มใจ
และสุดท้าย หากเราสกัดสาระจากทุกหน้าหนังสือแล้วเก็บไว้เพียงในหัวใจโดยไม่เคยลงมือ… มันก็เป็นแค่แรงบันดาลใจวูบเดียวที่หายไปพร้อมกับวันพรุ่งนี้

.
คุณเคยกล้าถามตัวเองหรือยังว่า “ฝันของเราคืออะไร?”
เพราะคำตอบนั้น อาจไม่ใช่สิ่งที่คนอื่นคาดหวัง… แต่มันจะเปลี่ยนโลกของคุณทั้งใบ
ลองแชร์สิ่งที่คุณได้คิดขึ้นมาหลังจากอ่านบทความนี้ แล้วคุณอาจเจอเพื่อนร่วมทางในความฝันที่ไม่เคยคิดว่าจะมีมาก่อน… เริ่ม ” ค้นหาความฝันของตัวเอง ” ได้ทันทีตอนนี้…