ทำไมยิ่งวิ่งหาความสุข ยิ่งห่างไกลความสุข

ความสุขที่เราไล่ตาม…เป็นแค่ภาพลวงตาหรือเปล่า? (Hedonic Treadmill)
ถ้าให้ถามว่าเป้าหมายสูงสุดในชีวิตของคนเราคืออะไร? คำตอบส่วนใหญ่คงหนีไม่พ้นคำว่า “ความสุข” เราทุกคนต่างวิ่งไล่ตามความสุขกันอย่างไม่หยุดหย่อน บางคนเชื่อว่าถ้าได้รถในฝัน ชีวิตจะมีความสุขขึ้น บางคนคิดว่าถ้ามีบ้านหลังใหญ่ มีเงินเยอะๆ ความสุขก็จะอยู่กับเราตลอดไป หรือบางคนอาจจะคิดว่าถ้าได้เป็นผู้บริหารใหญ่โต ความสุขก็จะตามมาเอง
แต่แล้วทำไม…พอเราได้สิ่งเหล่านั้นมาจริงๆ ความสุขที่คิดว่าจะอยู่กับเราตลอดไป กลับจางหายไปอย่างรวดเร็ว? ทำไมความตื่นเต้นกับรถคันใหม่ถึงอยู่ได้ไม่นาน? ทำไมความรู้สึกอิ่มเอมกับตำแหน่งหน้าที่การงานถึงกลายเป็นเรื่องปกติไปได้ในที่สุด? นั่นเป็นเพราะว่าเราทุกคนกำลังอยู่บน “ลู่วิ่งแห่งสุขนิยม” หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “Hedonic Treadmill”
ลู่วิ่งแห่งสุขนิยมคืออะไร?
แนวคิดนี้อธิบายถึงธรรมชาติของมนุษย์ว่า เรามักจะ ปรับตัว (Adaptation) เข้ากับสถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีหรือเรื่องร้าย และเมื่อเวลาผ่านไป ระดับความสุขของเราก็จะกลับคืนสู่ “จุดตั้งต้น” (Set Point) ที่ค่อนข้างคงที่ลองนึกภาพตามนะครับ…เมื่อมีเหตุการณ์ที่ทำให้เรามีความสุขมากๆ เช่น ถูกรางวัลใหญ่ ความสุขของเราจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่ไม่นานนักเราจะเริ่มชินกับสถานะทางการเงินใหม่นี้ และในที่สุดความสุขก็จะค่อยๆ ลดลงกลับไปสู่ระดับเดิม
ในทางกลับกัน…ถ้าเกิดเหตุการณ์ที่เลวร้ายมากๆ เช่น สูญเสียสิ่งของมีค่าหรือตกงาน ความสุขของเราก็จะลดต่ำลงอย่างมาก แต่เมื่อเราผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปได้ เราก็จะค่อยๆ ปรับตัวและกลับไปสู่จุดตั้งต้นความสุขของเราได้เช่นกัน พูดง่ายๆ ก็คือ…เหมือนเรากำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่ง ไม่ว่าจะวิ่งเร็วแค่ไหน เราก็ยังอยู่ที่เดิม

ทำไมเราถึงต้องรู้จักกับลู่วิ่งแห่งสุขนิยม?
การทำความเข้าใจเรื่องนี้สำคัญมากๆ ครับ เพราะมันช่วยให้เรามองความสุขในมุมที่ลึกซึ้งและเป็นจริงมากขึ้น
- เปลี่ยนมุมมองต่อความสุข: เราจะได้รู้ว่าความสุขที่แท้จริง ไม่ได้มาจากการครอบครองสิ่งของหรือการประสบความสำเร็จเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการเดินทางที่ไม่มีวันสิ้นสุด
- หยุดการวิ่งไล่ที่ไม่มีวันจบ: เมื่อเราเข้าใจว่าความสุขที่เกิดจากการได้มาซึ่งสิ่งของเป็นเพียงความสุขชั่วคราว เราก็จะไม่ต้องเหนื่อยกับการวิ่งไล่ตามสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา
- สร้างความสุขที่ยั่งยืน: การรู้จักกับลู่วิ่งแห่งสุขนิยมช่วยให้เราหันมาโฟกัสกับสิ่งที่สามารถเพิ่มระดับความสุขในระยะยาวของเราได้อย่างแท้จริง
แล้วเราจะทำอย่างไรให้มีความสุขที่ยืนยาวได้จริงๆ?
เมื่อความสุขจากสิ่งของหรือความสำเร็จภายนอกไม่สามารถอยู่กับเราได้ตลอดไป เราก็ต้องหันมาหาวิธีสร้างความสุขจากภายใน และนี่คือ 5 วิธีที่นักจิตวิทยาจากทั่วโลกยืนยันว่าสามารถช่วยเพิ่มระดับความสุขให้เราได้อย่างยั่งยืน

- การแสดงความกตัญญู (Practice Gratitude): การสำนึกในบุญคุณเป็นหนึ่งในวิธีที่ทรงพลังที่สุดในการเพิ่มความสุข การจดบันทึกสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน จะช่วยให้เรามองเห็นคุณค่าในชีวิตและยืดอายุความสุขของเราออกไปได้
- การฝึกสติ (Mindfulness): การอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างมีสติ ช่วยให้เราชื่นชมช่วงเวลาดีๆ ได้อย่างเต็มที่ และรับมือกับช่วงเวลาที่ยากลำบากได้ดีขึ้น การทำสมาธิหรือเพียงแค่การหายใจเข้าออกอย่างช้าๆ จะช่วยลดความเครียดและเพิ่มความสงบในใจ
- การลงทุนในความสัมพันธ์ (Invest in Relationships): มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตทางสังคม ความสัมพันธ์ที่แข็งแกร่งกับคนรอบข้าง ทั้งครอบครัว เพื่อน และคนรัก เป็นแหล่งที่มาของความสุขที่แท้จริง การให้เวลาที่มีคุณภาพ การแสดงความรัก และการให้การสนับสนุนเป็นสิ่งสำคัญ
- การออกกำลังกาย (Physical Activity): การออกกำลังกายไม่ได้แค่ดีต่อสุขภาพกาย แต่ยังดีต่อสุขภาพจิตอย่างมาก การเคลื่อนไหวร่างกายช่วยหลั่งสารเอ็นดอร์ฟิน (Endorphin) ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้รู้สึกมีความสุขและลดความเครียด
- การทำสิ่งดีๆ เพื่อผู้อื่น (Acts of Kindness): การช่วยเหลือผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน ไม่ว่าจะเป็นการบริจาคเงิน การเป็นอาสาสมัคร หรือเพียงแค่การช่วยเพื่อนบ้านถือของ จะช่วยกระตุ้นความรู้สึกอบอุ่นในใจและเพิ่มความพึงพอใจในชีวิต
เราควรเริ่มต้นอย่างไรหลังจากนี้?
ถ้าคุณอ่านมาถึงตรงนี้ ผมอยากชวนให้คุณลองหยุดพักจากการวิ่งบนลู่วิ่งสักครู่ แล้วลองทำสิ่งเหล่านี้ไปพร้อมๆ กัน
- บันทึกความกตัญญู: ลองใช้เวลา 5 นาทีในทุกๆ เช้าหรือก่อนนอน เขียนลงในสมุดหรือแอปในโทรศัพท์ว่า “วันนี้ผมขอบคุณ 3 สิ่งนี้…” แล้วฝึกทำเป็นประจำทุกวัน
- กำหนดเวลาการออกกำลังกาย: ไม่ต้องหักโหมครับ แค่วันละ 20-30 นาทีก็พอ ลองเริ่มต้นด้วยการเดินเร็วๆ วิ่งเหยาะๆ หรือปั่นจักรยาน

- โทรศัพท์หาเพื่อน: พักจากโซเชียลมีเดียสักครู่ แล้วโทรหาเพื่อนสนิทหรือคนในครอบครัวที่คุณไม่ได้คุยด้วยนานแล้ว เพื่อถามไถ่สารทุกข์สุกดิบและแบ่งปันเรื่องราวดีๆ
- ทำความดีเล็กๆ น้อยๆ: ลองมองหาโอกาสทำความดีในชีวิตประจำวัน เช่น ช่วยคนถือของ ให้ที่นั่งในรถสาธารณะ หรือเลี้ยงกาแฟเพื่อนร่วมงาน
ผมเชื่อว่าเมื่อเราเข้าใจธรรมชาติของ “ลู่วิ่งแห่งสุขนิยม” เราก็จะสามารถลงจากลู่วิ่งนั้นและหันมาสร้างความสุขที่แท้จริงและยั่งยืนจากภายในได้ เมื่อรู้แบบนี้แล้วลองเปลี่ยนมุมมอง ออกจากกรอบเดิมๆในลู่วิ่งแคบๆมาวิ่งบนลู่วิ่งอิสระที่มีผืนแผ่นดินทั้งหมดให้เราได้ทำตามที่เราต้องการเพื่อเดินทางบนผืนผ้าใบแห่งความสุขกันครับ