ถ้าไม่นับมนุษย์ สัตว์โลกตัดสินใจอย่างไร

เรียกได้ว่าต้องยกความดีความชอบที่สูงที่สุดให้กับนักชีววิทยาเลยก็ว่าได้ ที่
ใช้ความพากเพียรอุตสาหะในการแบ่งแยกสิ่งมีชีวิตบนโลกกลมๆใบนี้ออกเป็นสัดเป็นส่วนให้ง่ายต่อการจำแนกแยกแยะพวกมัน เมื่อครั้งในวัยเด็กเราอาจจะรู้จักแค่ พืช สัตว์ และมนุษย์ แต่ในทางวิทยาศาสตร์ระดับสูงมีการแบ่งแยกอาณาจักรของสิ่งมีชีวิตออกเป็นหลายประเภทชนิดที่เรียกว่าเรียนกันได้ทั้งเทอม

กล้องจุลทรรศน์ เครื่องมือสำคัญของนักชีววิทยา
.
4พันล้านปีก่อน โลกใบนี้มีแค่หินดินทรายและน้ำ ไม่มีแม้กระทั่งเซลล์เล็กๆของสิ่งมีชีวิตเซลล์เดียวด้วยซ้ำ แต่แล้วราวๆ575 ล้านปีก่อน สิ่งมีชีวิตที่มีหลายเซลล์ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นจากปรากาฎการณ์ที่เรียกว่า Avalon Explosion นับจากวันนั้นถึงวันนี้ “วิวัฒนาการ” เป็นคำตอบที่ชัดเจนที่สุดที่ทำให้เรากลายเป็นเราในวันนี้นับจากเซลล์หลายๆเซลล์ในวันนั้น

หากไม่มีสิ่งมีชีวิตในวันนั้นเราคงไม่มีโลกแบบที่เราเห็นกันในวันนี้
.
เมื่อความซับซ้อนของเซลล์เกิดขึ้น ความซับซ้อนทางความคิดและการตัดสินใจก็มีมากขึ้นและเก่งขึ้นเป็นลำดับ การทดลองหลายๆการทดลองเพื่อให้เข้าใจวิธีการคิดของหมู่มวลสัตว์ทั้งหลายที่เขียนโดย Frans de Waal ในหนังสือ New York Times Bestseller ที่ชื่อว่า “Mama’s Last Hug” พอจะทำให้เราได้เข้าใจอะไรบางอย่าง
.
หนูกับเขาวงกต
การทดลองที่เรามักจะเห็นกันบ่อยๆกับหนูก็คือปล่อยให้หนูวิ่งเข้าไปในเขาวงกตที่มนุษย์สร้างขึ้น เพื่อให้มันทำสิ่งต่างๆตามที่นักทดลองได้วางเอาไว้ การทดลองหนึ่งที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องของการตัดสินใจของหนูก็คือ เมื่อเวลาที่มันต้องเจอกับทางแยก มันจำเป็นที่จะต้องทำการ “ตัดสินใจ” กรณีของหนูที่ไม่แน่ใจกับทางเลือกสองทางที่มันเจอในเขาวงกต มัน “ตัดสินใจ” อย่างไร? งานวิจัยหนึ่งที่ได้นำเรื่องนี้มาศึกษาอย่างจริงจังคืองานตีพิมพ์ของ Kristin L. Hillman และ David K. Bilkey ได้สรุปว่า หนูเหล่านั้นจะเปรียบเทียบความทรงจำของมันในเส้นทางเก่าๆในอดีตที่มันได้เดินมากับสิ่งที่มันคาดว่าจะพบเจอในอนาคตโดยอาศัยการทำงานของส่วนฮิปโปแคมปัสของสมอง

หนู สัตว์ที่นักทดลองส่วนใหญ่มักนำมาใช้ในการทดลอง
.
สุนัขล่าเนื้อกับทางเลือก
เป็นที่ยอมรับกันดีว่าประสาทการดมกลิ่นของสุนัขนั้นมีมากกว่ามนุษย์หลายเท่านัก เมื่อสุนัขล่าเนื้อตามเหยื่อไปจนถึงทางแยกที่มีให้เลือก3ทาง หากมันดมกลิ่น2ทางแรกแล้วไม่ได้กลิ่นของเหยื่อแม้แต่น้อย มันจะอนุมานเอาว่าเหยื่อต้องไปทางที่3อย่างแน่นอน แล้วเจ้าสุนัขล่าเนื้อตัวนั้นก็ตัดสินใจพุ่งไปยังทางที่สาม

สุนัขล่าเนื้อก็วิมีธีการเลือกเส้นทางของเหยื่อ
.
ลิงชิมแปนซีกับการอนุมาน
ลิงชิมแปนซีนับเป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งที่ถูกหยิบยกมาใช้ในการทดลองด้วยความที่มีความใกล้เคียงกับมนุษย์ทั้งในแง่สมองและสรีระ ในปี 1990 นักจิตวิทยา David และ Ann Premack ได้ทำการทดลองหนึ่ง การทดลองนี้ใช้กล่องสองกล่องวางตรงหน้าลิงชิมแปนซี และให้มองนักทดลองกินแอปเปิ้ลและกล้วยอย่างเอร็ดอร่อยต่อหน้าต่อตาและเมื่อรับประทานจนเสร็จก็ออกจากห้องทิ้งลิงชิมแปนซีไว้กับกล่อง2ใบ ด้วยเหตุนี้ทำให้ลิงเกิดความลำบากใจว่ากล่องไหนที่มันควรจะเข้าไปค้นดูก่อน หากเป็นสัตว์อื่นทั่วไปอาจไม่คิดอะไรและตรงเข้ากล่องที่ใกล้ที่สุด หรือเรียกง่ายๆว่าเดาล้วนๆ แต่กลับลิงชิมแปนซี ไม่ใช่เช่นนั้น มันพยายามคิดว่ากล่องไหนที่นักทดลองได้กินไปแล้ว และมันตัดสินใจที่จะเปิดอีกกล่องหนึ่งก่อน โดยอนุมานว่าอีกกล่องคือกล่องยังไม่ได้กิน

ความคิดเป็นสิ่งหนึ่งที่ลิงชิมแปนซีมี
.
อีกหนึ่งการทดลองที่เกี่ยวกับลิงของ Call J ในปี2004 คือการทดลองที่ใส่องุ่นที่สุดแสนจะน่ากินลงไปในถ้วยทึบที่มองไม่เห็นสิ่งของภายใน โดยทำให้มันเห็นว่าจะมีแค่1ถ้วยเท่านั้นที่มีองุ่น หลังจากนั้นลองเขย่าถ้วยไม่ให้เห็นของที่อยู่ข้างใน(องุ่น) เสียงจากการเขย่าถ้วยที่มีองุ่นบอกให้มันรู้ว่าเมื่อมีเสียงที่ถ้วยไหนก็จะมีองุ่นที่ถ้วยนั้นด้วย หลังจากนั้นลองใหม่อีกครั้ง โดยนักทดลองจะหยิบและเขย่าถ้วยที่ไม่มีองุ่น (แน่นอนว่าไม่มีเสียง) ลิงตัดสินใจที่จะเปิดอีกถ้วยเพราะมันรู้ว่าองุ่นอยู่ในอีกถ้วยที่ไม่ได้เขย่านั่นเอง
.
นั่นคือตัวอย่างบางส่วนของการทดลองที่นักทดลองทั้งหลายวิจัยเพื่อให้เข้าใจถึงที่มาที่ไปของสัตว์ต่างๆว่ามีความคิดอย่างไร สิ่งหนึ่งที่พอจะสรุปได้จากหลายๆการทดลองก็คือ ปกติแล้วหมู่มวลสัตว์ทั้งหลายใช้มิติของเวลาไม่ว่าจะเป็นสิ่งที่ผ่านมาในอดีตหรืออนาคตที่มันจะต้องเจอรวมไปถึงความรู้และประสบการณ์ที่มันมีติดตัวเพื่อนำมาสรุปเป็นการ “ตัดสินใจ” ของมันในแต่ละครั้ง
สิ่งที่ยังคงเป็นปริศนาก็คือว่าการทดลองของสัตว์ต่างๆเหล่านี้ พวกมันได้ใช้ความฉลาดและประสบการณ์ในอดีตเป็นตัวแปรต้นที่สำคัญสำหรับนำมา “ตัดสินใจ” กับสถานการณ์ตรงหน้าแต่ผลจากการตัดสินใจนั้นมีผลมาจากสิ่งอ่อนไหวที่เรียกว่า “อารมณ์” เหมือนที่มนุษย์ปุถุชนอย่างเราๆมีหรือไม่ เพราะหลายๆครั้งที่มนุษย์อย่างเราๆนี่เองที่ไม่ว่าจะฉลาดแค่ไหนก็พ่ายแพ้ให้กับอารมณ์มานักต่อนัก

ช้อปปิ้งแล้วไม่ได้ใช้ ปรากฎการณ์หนึ่งที่อารมณ์มักเป็นตัวตัดสิน
.
ไม่ว่าคำตอบจะเป็นเช่นไร แม้กระทั่งสัตว์ที่สรีระและส่วนประกอบทางสมองซับซ้อนน้อยกว่าเรายังมีกะจิตกะใจที่จะใช้สรรพกำลังของตัวเองไม่ว่าจะเป็นความรู้หรือประสบการณ์ที่มันมีแปรเปลี่ยนเป็นผลลัพธ์ที่มันคิดว่าพอใจที่สุด แล้วมนุษย์อย่างพวกเราที่มีทรัพยากรในการคิดวิเคราะห์ ตัดสินใจที่มากกว่าสัตว์เหล่านั้นมากมายนักจะยอมเลือกทางเดินโดยการเดาล้วนๆก็นับเป็นสิ่งที่น่าเสียดายยิ่ง

การคิดอย่างรอบคอบและคำนึงอย่างรอบด้านเป็นความสามารถที่ดีอย่างหนึ่งของมนุษย์
สิ่งนี้คงแตกต่างกับการตัดสินใจเรื่องความรัก ที่หลายต่อหลายครั้ง เหตุผลและอารมณ์มักจะขัดกันอยู่เสมอๆ