เทคนิคกลายเป็น First Jobber สุดปังในยุค AI!

คุณเคยสงสัยไหมว่า “First Jobber” คือใคร แล้วทำไมคนรุ่นใหม่ถึงฮิตใช้คำนี้?
ลองนึกภาพว่าเด็กจบใหม่ชื่อ พิม ได้รับข้อความแจ้งเตือนจากบริษัทในฝันว่าเธอถูกเรียกสัมภาษณ์ ทั้งหมดแทบไม่น่าเกิดขึ้นเลย หากปราศจากการรู้จักแนวทางใหม่ๆ และทักษะที่ยิ่งกว่าแค่ “วุฒิ” เท่านั้น นี่คือจุดเริ่มต้นของการเข้าใจว่า “First Jobber คือใคร” และทำไมทักษะยุค AI ถึงกลายเป็นตัวแปรชีวิต พิมไม่ใช่แค่คนแรกที่ได้งานหลังจบ แต่ยังเป็น First Jobber ผู้รู้จักปรับตัว เจอ AI เป็นเพื่อน ไม่ใช่คู่แข่ง นี่คือภาพเบื้องต้นที่เราจะพาคุณไปเจาะลึกในบทความนี้
ตลาด Generative AI ทั่วโลกคาดว่าจะมีมูลค่าประมาณ 90.90 พันล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2025 และจะเติบโตอย่างต่อเนื่องไปจนถึง 669.50 พันล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2032 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสมต่อปี (CAGR) ที่ 33.0% ในช่วงปี 2025-2032. (Coherent Market Insights)
.
เจาะลึกว่า First Jobber คือใคร
First Jobber คือ คนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเข้าสู่ “โลกการทำงานครั้งแรก” โดยเฉพาะในยุคที่ AI และระบบอัตโนมัติมีบทบาทแทบทุกด้าน ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว พวกเขาไม่ได้แค่ “สมัครงานและโชคดีได้งาน” แต่ต้องมีการ วางแผน เรียนรู้ ปรับตัว ให้เข้ากับความเปลี่ยนแปลง
กลไกคือ การที่ AI ถูกนำมาใช้ตั้งแต่การสรรหาบุคลากร เช่น การคัดกรองเรซูเม่ ตรวจสอบทักษะอัตโนมัติ หรือแม้แต่การสัมภาษณ์เบื้องต้นผ่านแชทบอต ทำให้ First Jobber ต้องมีทั้ง ทักษะดิจิทัล (Digital Literacy) และ Soft Skills เช่น การสื่อสาร การคิดเชิงประเมิน การปรับตัวในที่ทำงานแบบไฮบริด ส่วนที่มาที่ไปของแนวคิดนี้ เกิดจากการที่ตลาดแรงงานเริ่มเต็มไปด้วยการใช้งาน AI ตั้งแต่ระดับทักษะพื้นฐาน ถึงระดับจัดการ ทำให้คนที่พร้อมที่สุดอยู่เหนือคนที่ “แค่อยากได้งาน” เท่านั้น
.
First Jobber สามารถเรียนรู้กลไกเพื่อปรับใช้ในชีวิตจริง
ในเชิง การทดลองทางจิตวิทยา, มีงานวิจัยหนึ่งที่ชื่อว่า Revealing the influence of AI and its interfaces on job candidates’ honest and deceptive impression management in asynchronous video interviews (Sciencedirect.com) งานวิจัยนี้แสดงให้เห็นว่า แม้ผู้สอบสัมภาษณ์จะเป็นบอท AI ผู้สัมภาษณ์ที่แสดงออกเป็นกลาง เช่น รอยยิ้มหรือการโต้ตอบเชิงบวก สามารถช่วยลดความวิตกกังวลของผู้สมัครได้อย่างน่าประหลาด เมื่อผู้ถูกสัมภาษณ์รู้สึก “ปลอดภัย” จิตใจก็เปิดกว้าง ทำให้คำตอบเป็นธรรมชาติมากขึ้น
ในชีวิตประจำวัน เช่น การใช้ ChatGPT เพื่อช่วยเขียนเรซูเม่ หรือฝึกสัมภาษณ์ผ่านโมเดลที่ให้ฟีดแบ็กทันที ผู้สมัครงานใหม่สามารถปรับความรู้สึกและวิธีนำเสนอได้ก่อนเข้าสัมภาษณ์จริง เมื่อตัวของตัวเองมีความเป็นธรรมชาติพอและได้รับการฝึกทักษะมา บวกกับความรู้ความสามารถจากจิตใจตัวเอง ผลลัพธ์จึงออกมาดีขึ้น เรียกว่าตาต่อตา ฟันต่อฟันจริงๆ
.

ในด้าน สื่อและการตลาด, แบรนด์งานหรือบริษัทเทคฯ หลายแห่งใช้คลิปวิดีโอสื่อสารแสดงให้เห็นว่า “เรายินดีให้ AI ช่วยประเมินเบื้องต้น แต่สิ่งที่เรามองหาคือความเป็นมนุษย์” นี่กลายเป็นข้อได้เปรียบของ First Jobber ที่รู้จักแสดงทักษะที่ AI ยังทดแทนไม่ได้ เช่น ความคิดสร้างสรรค์ ความเข้าใจความรู้สึกผู้อื่น ความเห็นอกเห็นใจ ความเป็นมนุษย์ที่ดูเป็นธรรมชาติจริงๆนี่เองที่หลายบริษัทยังคงมองหา
จากตัวอย่างข้างต้นจับกลไกได้ชัดเจน คือการที่ AI เข้ามาเพื่อขยายขีดจำกัดของ First Jobber ไม่ใช่แทนที่ ทั้งยังเชื่อมโยงกับประสบการณ์ของผู้ใช้ AI รุ่นใหม่ที่เตรียมตัวก่อนเข้าสัมภาษณ์ ทั้งแก้เครียด และปรับคำตอบให้ตรงกับองค์กรและฝึกให้ First Jobber ได้ลองทำจริงถ้านำมาใช้เป็นโค้ชได้อย่างถูกต้อง
.
ปลุกพลังทักษะ ใช้คุณค่าที่ได้จากบทความนี้เปลี่ยนอนาคตงานแรก
ลองถามตัวเองสักครั้งว่า ถ้าคุณเป็น First Jobber ที่ต้องเข้าสู่ตลาดแรงงานที่ AI ก้าวหน้า คุณจะทำอย่างไรให้ตัวเองไม่ถูกกลืนหาย? คำตอบไม่ใช่แค่ “เรียนรู้เทคโนโลยี” แต่คือการนำ ความเข้าใจในบทบาทของ AI และทักษะมนุษย์ที่ทดแทนยาก มาสร้างจุดแข็งเฉพาะตัว
1. พัฒนาทักษะดิจิทัล
เริ่มจากการ พัฒนาทักษะดิจิทัล ให้กลายเป็นอวัยวะเสริม เช่น เรียนรู้ใช้เครื่องมือ AI เพื่อสร้างสรรค์งาน ไม่ใช่แค่ทำตาม เช่น ใช้ AI ทำสรุปรายงานอัตโนมัติ แล้วนำมาวิเคราะห์ต่อในมุมที่ AI ทำไม่ได้ หรือการเขียนโค้ดง่ายๆ เพื่อทำงานซ้ำๆ ให้เร็วขึ้น สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ First Jobber แสดงให้เห็นว่า เราเข้าใจและร่วมงานกับ AI ได้จริง
2. ฝึกวิเคราะห์และแก้ปัญหาเชิงซ้อน
ต่อมาคือ ทักษะคิดวิเคราะห์และแก้ปัญหาเชิงซับซ้อน ซึ่ง AI ยังไม่สามารถเข้าใจสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยความคลุมเครือ หรืออ่าน “อารมณ์” ของเพื่อนร่วมงานได้ดีพอ First Jobber ควรฝึกมองปัญหาในหลายมิติ ตั้งคำถามว่า “ถ้า AI แนะนำแบบนี้ จะเกิดผลกระทบอะไรบ้าง” และนำคำตอบเหล่านั้นไปต่อยอดในงานจริง หรือหากให้พูดบ้านๆคือ “อยู่เป็น” ในแต่ละสถานการณ์ที่แวดล้อมกำหนด
.

3. เน้นให้เก่งการสื่อสาร
และอย่าลืม ทักษะการสื่อสารและทำงานร่วมกับผู้อื่น เพราะในยุค Hybrid Work การสื่อสารไม่ได้จำกัดอยู่แค่ห้องประชุม แต่รวมถึงการสื่อสารผ่านข้อความ วิดีโอ และแพลตฟอร์ม Collaboration ทั้งหลาย การมีน้ำเสียงที่ชัดเจน อธิบายเรื่องยากให้เข้าใจง่าย จะทำให้ First Jobber แตกต่างจากคนที่พูดตามสคริปต์ AI
เมื่อเข้าใจและพัฒนา 3 ส่วนนี้ First Jobber จะไม่ใช่แค่คนที่หางานได้ แต่เป็นคนที่ “สร้างงานให้ตัวเองได้” ผ่านความเป็นมืออาชีพ ความเข้าใจธุรกิจ และการใช้ AI เป็นเครื่องมือ ไม่ใช่เจ้านาย
.
AI ไม่ใช่คู่แข่ง แต่เป็นเวทีเปิดมุมมองการตลาดและการสร้างแบรนด์ส่วนตัว
ในโลกของการตลาดยุคใหม่ AI กลายเป็นผู้ช่วยคัดกรองข้อมูล แต่ แบรนด์ส่วนตัวของ First Jobber คือสิ่งที่ทำให้บริษัทต้องหยุดอ่านและพิจารณา คนที่เข้าใจว่า AI คัดอะไร คำนวณอะไร และมองหาอะไร จะได้เปรียบทันที
ตัวอย่างเช่น ในขั้นตอนเขียนเรซูเม่ ถ้ารู้ว่า AI ชอบโครงสร้างแบบชัดเจน Bullet Points สั้น กระชับ แต่ First Jobber ที่เข้าใจจะไม่หยุดแค่ทำตามคำแนะนำของ AI แต่จะ แทรกเรื่องราว (Storytelling) เพื่อให้มนุษย์ที่อ่านต่อเห็นภาพความคิด ความพยายาม และความเป็นตัวเอง
.

ยิ่งไปกว่านั้น การสร้าง โปรไฟล์ออนไลน์ ใน LinkedIn หรือ Portfolio ก็ไม่ใช่แค่โพสต์ผลงาน แต่ต้องคิดถึง SEO ส่วนตัว เช่น การใช้คำหลัก (Keywords) ที่เกี่ยวข้องกับทักษะที่ตลาดต้องการ เช่น “AI Collaboration”, “Prompt Engineering”, “Data Storytelling” เพื่อให้ถูกค้นหาได้ง่ายขึ้น
อีกประเด็นสำคัญคือ การแสดง Soft Skills ผ่านคอนเทนต์ เช่น เขียนบทความ แชร์กระบวนการคิด หรือทำคลิปสั้นเล่าเบื้องหลังโปรเจกต์ การตลาดในยุคนี้มองหา มนุษย์ที่กล้าเผยวิธีคิด ไม่ใช่แค่โชว์ผลลัพธ์ และนี่คือสิ่งที่ AI ยังทำไม่ได้ เช่นหัวหน้าถาม ขอสรุปสั้นๆตอนนี้ว่าสถานการณ์โปรเจคเป็นอย่างไร เราคงไม่บอกหัวหน้าว่า “ขอเวลาป้อน Prompt แล้วเดี๋ยวจะตอบให้นะครับ/นะคะ” แต่หัวหน้าต้องการสถานการณ์หน้างานทันที คนที่เรียบเรียงความคิดได้เร็วและตอบทันทีย่อมมีโอกาสได้งานมากกว่า
เมื่อ First Jobber มอง AI เป็นเวที ไม่ใช่คู่แข่ง ก็จะเริ่มมองเห็นโอกาสอื่นด้วย เช่น การสร้างเครือข่ายในคอมมูนิตี้ AI การเรียนออนไลน์เพื่ออัปเดตเครื่องมือใหม่ๆ หรือแม้แต่ขายความรู้ของตัวเองผ่าน VDO Course และ Ebook สิ่งเหล่านี้สร้าง “ฐาน” ที่มั่นคงให้ก้าวต่อในอนาคต
.
จาก First Jobber สู่คนทำงานที่โลกต้องการ
สุดท้ายนี้ คุณลองถามตัวเองอีกครั้งว่า เราจะอยู่เฉยๆ ให้ AI เลือกเรา หรือจะใช้ AI เป็นสะพานสู่สิ่งที่ใหญ่กว่าผมพยายามกลั่นกรองให้บทความนี้พาเรามาเห็นว่า First Jobber ไม่ใช่แค่คนที่เริ่มงานครั้งแรก แต่คือคนที่รู้จักใช้ ทักษะดิจิทัล, การคิดวิเคราะห์ และการสื่อสาร ผสมผสานกับความเข้าใจ AI เพื่อสร้างความได้เปรียบต่างหาก
แม้ AI จะพัฒนาไม่หยุด แต่ “ความเป็นมนุษย์” คือสิ่งที่โลกการทำงานยังต้องการ เราสามารถใช้ AI ช่วยงาน ทำงานเร็วขึ้น แต่สุดท้ายต้องอาศัยวิธีคิด ความเข้าใจสถานการณ์ และการสื่อสารกับคนรอบตัว ซึ่ง AI ยังแทนที่ไม่ได้
คุณล่ะ พร้อมหรือยังที่จะเป็น First Jobber ที่ AI อยากร่วมงานด้วย ไม่ใช่แค่รอดูว่ามันจะมาแทนเราเมื่อไหร่? แบ่งปันมุมมองของคุณ ว่าก้าวแรกของคุณในโลกการทำงานจะยิ่งใหญ่แค่ไหน! มาพูดคุยกันได้ที่ FB Page: Natthadit.com ครับ
.